
พรบ กับ ภาษีรถยนต์ อันเดียวกันไหม
พรบ กับ ภาษีรถยนต์ อันเดียวกันไหม ?
ตอบ ไม่เหมือนกันครับ พ.ร.บ. (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) กับ ภาษีรถยนต์ เป็นคนละเรื่องกัน แต่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ทั้งคู่
1. พ.ร.บ. รถยนต์
- เป็น ประกันภัยภาคบังคับ ที่เจ้าของรถทุกคันต้องทำตามกฎหมาย
- คุ้มครอง ค่ารักษาพยาบาล และ ค่าเสียหายเบื้องต้น กรณีเกิดอุบัติเหตุ
- ต้องทำทุกปี และเป็นเงื่อนไขก่อนต่อภาษีรถยนต์
- หากไม่มี พ.ร.บ. อาจโดนปรับได้
2. ภาษีรถยนต์ (ทะเบียนรถ)
- เป็น ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กรมการขนส่งทางบก เพื่อให้รถถูกต้องตามกฎหมาย
- คำนวณจาก ประเภทของรถ, ขนาดเครื่องยนต์ หรือ อายุของรถ
- ต้องชำระทุกปี ไม่จ่ายภาษีเกิน 3 ปี รถจะถูกระงับทะเบียน
📌 สรุป: พ.ร.บ. เป็นประกันที่ช่วยคุ้มครองคน ส่วนภาษีรถยนต์เป็นค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเพื่อให้รถใช้งานได้ตามกฎหมาย 🚗✅

ตรอ. สถานตรวจสภาพรถ
พรบ. กับ ภาษีรถยนต์ แตกต่างกันอย่างไร?
เมื่อพูดถึงการเป็นเจ้าของรถยนต์ในประเทศไทย หลายคนอาจสับสนระหว่าง “พรบ.” กับ “ภาษีรถยนต์” เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นข้อบังคับทางกฎหมายที่ต้องต่ออายุทุกปี แต่จริง ๆ แล้ว พรบ. และภาษีรถยนต์มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของวัตถุประสงค์และผลกระทบต่อเจ้าของรถยนต์ บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าทั้งสองสิ่งนี้คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
พรบ. รถยนต์ คืออะไร?
พรบ. หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็น ประกันภัยภาคบังคับ ที่กฎหมายกำหนดให้เจ้าของรถทุกคันต้องทำก่อนต่อทะเบียนรถยนต์ จุดประสงค์หลักของพรบ. คือการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยให้ความช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือคนเดินเท้าที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ
ความคุ้มครองของพรบ.
- ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ สูงสุด 30,000 บาท
- ค่าชดเชยกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต สูงสุด 500,000 บาท
- ค่าชดเชยรายวันกรณีต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
พรบ. เป็นสิ่งที่ต้องมีติดรถเสมอ หากไม่มีจะถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายและอาจถูกปรับได้
ภาษีรถยนต์ คืออะไร?
ภาษีรถยนต์ หรือ ภาษีประจำปี เป็นค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระให้กับกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้สามารถใช้งานรถยนต์บนถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การคำนวณภาษีรถยนต์จะพิจารณาจากประเภทของรถ ขนาดเครื่องยนต์ น้ำหนักรถ หรืออายุของรถ ซึ่งอัตราภาษีจะแตกต่างกันไป
ข้อควรรู้เกี่ยวกับภาษีรถยนต์
- หากไม่จ่ายภาษีรถยนต์ตามกำหนด จะต้องเสียค่าปรับ
- หากไม่จ่ายภาษีติดต่อกันเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับ
- รถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี ต้องผ่านการตรวจสภาพรถจาก ตรอ. (ตรวจสภาพรถเอกชน) ก่อนต่อภาษี
พรบ. กับ ภาษีรถยนต์ อันไหนสำคัญกว่ากัน?
ทั้งสองอย่างนี้มีความสำคัญเท่า ๆ กัน เพราะเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายที่เจ้าของรถต้องปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม พรบ. มีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในขณะที่ภาษีรถยนต์เป็นเรื่องของการใช้รถอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่มีพรบ. จะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ ดังนั้นควรทำพรบ. ก่อนทุกครั้ง
สรุป
- พรบ. เป็นประกันภัยภาคบังคับที่คุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุ
- ภาษีรถยนต์ เป็นค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กรมการขนส่งทางบกเพื่อให้รถใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- พรบ. เป็นเงื่อนไขสำคัญในการต่อภาษีรถยนต์ หากไม่มีพรบ. จะต่อภาษีไม่ได้
- หากไม่ต่อภาษีรถยนต์ ทะเบียนอาจถูกระงับ และหากไม่มีพรบ. อาจถูกปรับตามกฎหมาย
ดังนั้น เจ้าของรถทุกคนควรใส่ใจในการต่อพรบ. และภาษีรถยนต์ให้ถูกต้องตามกำหนดทุกปี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้อื่นบนท้องถนน